July 27, 2023

10 ข้อที่บ่งบอกว่าคุณกำลังซักผ้าผิดวิธี

รู้หรือไม่ ? การโยนเสื้อผ้าทุกประเภทลงถังและนั่งรอเวลาเพียงอย่างเดียวนั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาด มีคราบสกปรกฝังแน่น ส่งกลิ่นเหม็นอับระหว่างวัน เสื้อเสียทรงและมีสีซีด 

นอกจากสาเหตุข้างต้นที่ทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาดแล้ว ยังมีอีก 10 ข้อที่บ่งบอกว่าคุณกำลังซักผ้าผิดวิธี จนทำให้ร่างกายของคุณเสียสุขภาพได้อีกด้วย ว่าแต่มีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย!

 

10 ข้อที่บ่งบอกว่าคุณกำลังใช้วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ

1. ซักผ้าฟองเยอะเกินไป

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ซักผ้าฟองเยอะ ๆ จะทำให้ผ้าสะอาด” ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย การซักผ้าด้วยฟองเยอะ ๆ จะทำให้ผ้าสกปรกมากกว่าเดิม! เนื่องจากฟองที่มีปริมาณมาก ๆ มักจะสลายตัวไม่ทันก่อนซักเสร็จ ทำให้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าที่อยู่ในฟองสามารถตกค้างและเกาะอยู่ตามเนื้อผ้า เครื่องซักผ้า มอเตอร์ แผนวงจร จนกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค หรืออาจทำให้มอเตอร์เครื่องซักผ้าพังได้เลยค่ะ 

ซึ่งทริคการซักผ้าให้สะอาดด้วยตัวเองนั้นง่ายมาก ๆ แต่ต้องเสียแรงและเวลานิดนึง นั่นคือการนำเสื้อผ้าที่จะซักไปขยี้หรือล้างน้ำเปล่าก่อนรอบหนึ่ง จากนั้นนำเสื้อผ้าลงไปทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าหรือกะละมัง โดยเลือกใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยทำให้เสื้อผ้าสะอาดได้มากกว่าการตีฟองเยอะ ๆ หนา ๆ อย่างแน่นอน

2. ใช้ผงซักฟอกผิดประเภท

ผงซักฟอกมีให้เลือกหลายแบบและเหมาะกับวิธีการซักที่แตกต่างกันออกไป ทั้งการซักด้วยมือ การซักผ้าด้วยฝาบน และการซักผ้าด้วยฝาหน้า ถ้าหากใช้อย่างผิดวิธีและไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ขจัดคราบสกปรกได้อย่างไม่ทั่วถึง เสื้อผ้าเกิดกลิ่นเหม็นอับ เนื้อผ้าขาดชำรุด ย้วย สีหลุด หรือทำให้เกิดฟองล้นจากเครื่องซักผ้าได้

 

3. ขยี้ซักผ้าแรงเกินไป

การใช้มือขยี้คราบด้วยแรงที่มากเกินไป จะเป็นการทำลายเนื้อผ้ามากกว่าทำความสะอาดเสื้อผ้า หากมีรอยคราบเพียงเล็กน้อยการขยี้ด้วยแรงพอดีก็ทำให้คราบหลุดได้แล้ว แต่ถ้าหากเป็นคราบฝังลึกแน่นควรใช้น้ำยากำจัดคราบหรือเทน้ำยาซักผ้าลงบริเวณคราบฝังลึกเพียงเล็กน้อย และทำการถู ๆ จากนั้นนำไปซักด้วยสบู่ซ้ำอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็ขจัดคราบฝังลึกได้แล้วค่ะ

4. ใส่ปริมาณผ้าล้นความจุของถัง

การซักเสื้อผ้าในปริมาณที่มากเกินกว่าเครื่องซักผ้าจะรับได้ จะทำให้น้ำยาไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุม ส่งผลให้เสื้อผ้ายังมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากนำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาสวมใส่ ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังอีกด้วย 

นอกจากนี้มอเตอร์เครื่องซักผ้ายังต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม เพราะปริมาณเสื้อผ้าเกินขีดจำกัดที่เครื่องจะซักไหว ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการซักแบบผิด ๆ ที่ทำให้เนื้อผ้าเกิดการเสื่อมสภาพหรือเนื้อผ้าถูกทำลายได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการนำเสื้อผ้าที่มีปริมาณมากเกินลงไปซักในเครื่องซักผ้าที่มีความจุน้อยกว่า เพื่อรักษาเนื้อผ้าให้คงทนแข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงยังช่วยยืดอายุเครื่องซักผ้าให้ใช้ได้นาน ๆ 

5. ไม่ได้แยกประเภทผ้าก่อนซัก

เนื่องจากเสื้อผ้าทุกชิ้นมีระดับความสกปรกที่แตกต่างกัน จึงไม่ควรนำมาซักรวมในถังเดียว มิเช่นนั้นเสื้อผ้าที่มีระดับความสกปรกมากจะนำคราบเปื้อน กลิ่นเหม็นอับ ไปติดกับเสื้อผ้าที่มีระดับความสกปรกน้อย กลายเป็นว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นได้รับความสกปรกเท่ากันทั้งหมด ส่งผลเสียต่อเสื้อผ้าและสุขภาพของคุณอย่างมาก ดังนั้นควรคัดแยกระดับความสกปรกของเสื้อผ้าทุกชิ้นก่อนซักอยู่เสมอค่ะ

6. ไม่ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำจะช่วยให้เครื่องซักผ้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความมั่นใจในการซักผ้าทุกครั้งว่าจะไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างในเครื่องซักผ้า เพราะถ้าคุณไม่หมั่นทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ สิ่งสกปรกเหล่านี้อาจไปเกาะตามเนื้อผ้าและเกิดกลิ่นอับไม่พึงประสงค์

7. บิดผ้าแรงเกินไป

การบิดผ้าแรง ๆ เป็นการทำลายเนื้อผ้าให้ฉีกขาดออกจากกัน ทำให้ผ้าเสื่อมสภาพได้ง่ายมากขึ้น ควรใช้แรงบีบผ้าเบา ๆ แล้วนำผ้าขนหนูมาห่อผ้าไว้ ก่อนจะม้วนผ้าบีบ ๆ เพื่อทำการซับน้ำส่วนเกินให้ออกไปได้มากที่สุด เพียงเท่านี้ผ้าของคุณก็แห้งหมาดแล้ว

8. ซักชุดออกกำลังกายด้วยเครื่องซักผ้า

ผ้าที่มีคุณสมบัติความยืดหยุ่นสูง บางเบา และสวมใส่ได้อย่างกระชับ เช่น ชุดว่ายน้ำ สปอร์ตบรา และชุดออกกำลังกายต่าง ๆ ไม่ควรนำเข้าเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าโดยเด็ดขาด เพราะความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงอาจทำทำลายเนื้อผ้าให้เสียรูปทรงได้ ลดประสิทธิภาพของเนื้อผ้าในการสวมใส่อย่างมาก แนะนำให้นำไปซักและตากลมธรรมชาติจะดีกว่า เพียงใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถทำความสะอาดจนแห้งสนิท

9. ไม่ปลดกระดุมเสื้อก่อนซัก

การซักผ้าทั้งที่ยังไม่ปลดกระดุมออกมาจะทำให้กระดุมหลุดร่วงและชำรุดได้ง่าย เพราะเสื้อผ้าโดนแรงเหวี่ยงในเครื่องซักผ้าเป็นเวลานานเกินไป ดังนั้นอย่าลืมปลดกระดุมเสื้อก่อนนำไปซักนะคะ

10. ไม่รูดซิปก่อนซัก

หากไม่รูดซิปก่อนนำผ้าลงไปซัก ฟันซิปจะมีโอกาสขูดเสื้อผ้าตัวอื่นจนขาดรุ่ย เสื้อผ้าเกิดความเสียหายจนทำให้คุณอาจต้องนำเสื้อผ้าไปซ่อมแซมหรือซื้อใหม่ ดังนั้นการรูปซิปก่อนซักจึงถือว่าเป็นข้อสำคัญมาก ๆ อีกข้อนึงค่ะ

เมื่อรู้วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ แล้ว คุณก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและระมัดระวังในการซักผ้าเป็นพิเศษ เลิกมองข้ามว่า การซักผ้าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเสียเวลา เพราะการสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดก็จะทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นไปด้วยค่ะ

 

หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ซักผ้าให้สะอาดหมดจด ไร้กลิ่นเหม็นอับ ปราศจากเชื้อโรค ใช้เวลาซักและอบไม่ถึงชั่วโมง ได้เสื้อผ้ากลับมาไวพร้อมใส่ในเวลาอันรวดเร็ว ต้องลองมาใช้บริการที่แฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ WASHENJOY Electrolux Professional เราพร้อมให้บริการคุณ 24 ชั่วโมงค่ะ

ตรวจสอบสาขาบริการใกล้บ้านคุณ หรือหากสนใจร่วมธุรกิจลงทุนร้านซักผ้ากับเรา 

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่ www.washenjoythai.com

โทรศัพท์ : 098-902-6659
Line Official Account : @washenjoy
Email : info@washenjoythai.com
Website : www.washenjoythai.com
Facebook : WASHENJOY Thailand

บทความอื่น ๆ

ดูทั้งหมด